วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ค่านิยมวัยรุ่นไทย

1.ค่านิยมของวัยรุ่นไทยในปัจจุบัน
           1.1 แฟชั่นการแต่งตัวของวัยรุ่น           
          ด้วยการที่ปัจจุบันนี้มีการนำวัฒนธรรมต่างๆของชาวต่างชาติเข้ามาเป็นอย่าง ต่อเนื่อง ซึ่งเรียกได้ว่านั่นจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วัยรุ่นในปัจจุบันนี้มีทัศนคติ ต่างๆที่เปลี่ยนไปอีกด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นก็ทำให้วัยรุ่นมีค่านิยมที่เปลี่ยนไปจากเดิมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมในการแต่งตัวของวัยรุ่นไทย ที่ทุกวันนี้มีการเลียนแบบต่างประเทศมาก ซึ่งวัยรุ่นจะมีการแต่งตัวที่ไม่เหมือนเดิมด้วยการที่มีแฟชั่นใหม่ๆเกินขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง ซึ่งอาจจะได้เป็นการที่วัยรุ่นได้เสพเอาค่านิยมอย่างประเทศเกาหลีเข้ามามากกว่าเดิมก็ได้ และก็ยังมีอีกหลายประเทศด้วยกัน วัยร่นนั้นเป็นวัยที่มีความคิดแปลกใหม่ และไม่สนใจความคิดของคนอื่น คิดว่าความคิดของตนเองนั้นเป็นใหญ่และก็ถูกอยู่เสมอเป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นวัยที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออกใน ด้านต่างๆด้วย และสำหรับการแต่งตัวทุกวันนี้ วัยรุ่นไม่ค่อยจะมองเห็นวัฒนธรรมของความเป็นไทยที่มีมาแต่โบราณสักเท่าไหร่ หรอกเนื่องจากว่าอยากจะแต่งแบบไหนก็ตามใจตนเองและเชื่อความคิดของตนเองด้วย และทุกวันนี้ค่านิยมทางแฟชั่นการแต่วงตัวของวัยรุ่นก็ยังผิดๆด้วยเพราะว่า การที่แต่งตัวฟิตๆสั้นๆ เป็นที่แน่นอนว่าต้องมีปัญหาตามมาอย่างแน่เพราะว่า จะล่อแหลมต่อสายตาคนมองและนั้นก็จะสามารถทำให้เกิดการก่ออาชญากรรมตามมาได้ อีกด้วยเช่นกัน อย่างที่เราเห็นตามสื่อต่างๆ เป็นประจำนั่นเองค่ะ วัยรุ่นไทยนั้นก็ควรที่จะแต่งตัวให้ถูกการะเทศะเพื่อเป็นการลดปัญหาการก่อ เหตุการณ์ร้ายๆต่างที่อาจจะเกิดขึ้นในสังคมไทยก็ได้
เรื่องของการแต่งกายนั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราก็ต้องเรียนรู้การแต่งกายเพื่อความเหมาะสม และก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเรา
           1.2 การทานผักของวัยรุ่น                                                        
            ด้วยการที่ปัจจุบันนี้วัยรุ่นได้มีการเปลี่ยนค่านิยมต่างๆ ใหม่ๆอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีความคิดที่มั่นใจและเป็นของตัวเองมากขึ้น ด้วย อย่างเช่นวัยรุ่นหลายๆคนที่เป็นตัวของตัวเองที่สูง อย่างที่เรียกกันว่าเด็กแนว สำหรับเรื่องของการทานอาหารของวัยรุ่นก็มีค่านิยมที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ซึ่งการทานอาหารของวัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนไปนั้นก็อย่างเช่นมีการนั่งทาน อาหารตามร้านที่มีคนเยอะ เพื่อเป็นการอวดกัน และอาหารแต่ละประเภทก็ล้วนไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อมีรสนิยมการกินอาหารที่ เปลี่ยนไป การทานผักของวัยรุ่นจึงได้มีการลดลงไปด้วย วัยรุ่นหลายๆคนที่มีความคิดที่ผิด อาจจะทานอาหารที่ไม่มีผักเลย และนั่นก็ยังเป็นการทำร้ายสุขภาพยังไม่พอหรอก เพราะว่านอกจากวัยรุ่นจะไม่ทานผักแล้ว วัยรุ่นก็ยังหันไปบริโภคแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์มากขึ้นด้วย อย่างเช่นพวกอาหารที่ทำจากแป้งที่วัยรุ่นมีการบริโภคมากข้น อีกทั้งยังมีการทานหรือดื่มพวกอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพด้วย อย่างเช่นการดื่มสุรา ของมึนเมาต่างๆที่เป็นส่วนที่ก่อให้ร่างกายเกิดความเสื่อมโทรมได้ง่าย อีกทั้งยังวัยรุ่นยังชอบทานอาหารขยะต่างๆ อย่างเช่นขนมอบกรอบต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำรายสุขภาพเราได้นั่นเองค่ะการที่วัยรุ่นเป็นวัย ที่กำลังต้องการสารอาหารเพื่อบำรุงการเจริญเติบโตนั้น การทานผักจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญด้วย
2.สาเหตุที่ส่งผลให้ค่านิยมของวัยรุ่นเปลี่ยนไปจากสมัยก่อน
           2.1 ชอบทดลอง
              วัยรุ่นเป็นวัยที่อยากรู้ อยากเห็น ชอบทดลอง โดยปัจจุบันมีสิ่งยั่วยุต่างๆ ที่เป็นแรงผลักดันให้
วัย รุ่นแสดงออกถึงความต้องการมีเพศสัมพันธ์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แผ่นซีดีลามก หนังสือการ์ตูน อุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มความสนุกระหว่างร่วมเพศกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันสิ่งต่างๆเหล่านี้ ก็หาซื้อได้ง่ายขึ้น และเป็นสิ่งกระตุ้นให้วัยรุ่นอยากมีเพศสัมพันธ์กันมากขึ้น ทั้งที่สังคมไทยในสมัยก่อน ไม่ค่อยจะยอมรับกับสิ่งต่างๆเหล่านี้ แต่ในปัจจุบันกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเสียแล้ว สำหรับสังคมไทย
           2.2 การออดอ้อน
              ทนต่อแรงออดอ้อนของอีกฝ่ายไม่ไหว บางคนอาจจะอ้างมาเพื่อพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อกันบ้าง หรือว่า
ถ้า ไม่ยอมก็แสดงว่าไม่รักกันจริง ทำให้อีกฝ่าย (ซึ่งมักจะเป็นผู้หญิง) ทนต่อคำออดอ้อนของอีกฝ่ายหนึ่งไม่ไหว หรือการออดอ้อนในเทศกาลต่างๆ เช่น พิสูจน์กันในเทศกาลแห่งความรัก วันวาเลนไทน์ซึ่งมีสถิติว่ามีคนหนุ่ม สาว มีเพศสัมพันธ์กันมากในวันนี้ ถ้าสิ่งต่างๆเหล่านี้ เกิดขึ้นในสังคมไทยสมัยก่อน ลูกสาวบ้านนั้นคงจะตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน และอับอายจนอาจจะต้องย้ายที่อยู่กันเลย แต่ในปัจจุบันเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กลับเป็นเรื่องของชายกับหญิงเท่านั้น เมื่อเกิดปัญหาขึ้น เช่น การตั้งครรภ์ เรื่องถึงจะรู้ถึงผู้ใหญ่ให้ช่วยแก้ปัญหาให้
           2.3 แฟชั่น
              การได้เสียกันในปัจจุบันถือว่าเป็นไปตามกระแสของแฟชั่น กล่าวคือ หากคนรักคู่ใดเป็นแฟนกันมา นาน แล้วไม่มีอะไรกันถือว่าเชย หรือบางคู่ถ้าฝ่ายหญิงไม่ยอมตกเป็นของฝ่ายชาย ถึงขั้นเลิกกันก็มี เพราะหาว่าไม่รักกันจริง คำก็อ้างว่าไม่รัก สองคำก็อ้างว่าไม่รัก สุดท้ายก็ยอมมันเสียเลย
           2.4 ความรู้สึกเป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน
              การมีเพศสัมพันธ์กันนั้น เหมือนกับการได้สัมผัสเรือนร่างของอีกฝ่ายหนึ่ง ได้สัมผัสร่างกายของกัน
และ กัน ทำให้ต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกว่าเป็นของกันและกัน โดยในสมัยก่อนนั้นชาย หญิง จะถูกเนื้อต้องตัวกันได้ ก็ในคืนวันแต่งงาน หรือว่าบางคู่ ยังไม่มีฤกษ์เข้าหอ ฝ่ายชายก็ต้องรอจนกว่าจะมีฤกษ์ ถึงจะได้สัมผัสเนื้อตัวฝ่ายหญิง และหากแต่งงานกันแล้ว หากหญิงใดที่แอบปันใจ หรือไปมีอะไรกับชายอื่น ผู้หญิงคนนั้นก็จะถูกประนามและกล่าวว่ามี ชู้แต่ในสังคมปัจจุบันการมีเพศสัมพันธ์กับใคร ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ และยังสามารถไปมีอะไรกับคนอื่นได้อีก โดยไม่เกรงกลัวต่อการผิดหลักศีลธรรมเหมือนที่ผ่านมา
           2.5 ความรู้สึกว่าตนเองมีค่าต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
              การรู้จักและคบหากันจนถึงขั้นที่เรียกว่า แฟนนั้น หลายคู่ใช้ระยะเวลาสั้น ยาว ที่แตกต่างกัน
แต่ แน่นอนว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของคู่รักจบลงที่การมีเพศสัมพันธ์กัน ซึ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตนเป็นที่ต้องการหรือมีค่าสำหรับอีกฝ่ายหนึ่ง โดยหญิงใดในสังคมไทยปัจจุบันที่สามารถรักษาพรหมจรรย์ ได้ถึงวันแต่งงาน ซึ่งนับวันจะมีน้อยลงทุกที ถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่ามาก สังคมไทยปัจจุบันควรปลูกฝังให้หญิงไทยหันกลับมารักนวลสงวนตัว หวงแหนพรหมจรรย์ เอาไว้ถึงวันแต่งงานกันดีกว่า
           2.6 สัญชาตญาณของการสืบพันธุ์
              การมีเพศสัมพันธ์ถ้าจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือว่าสัตว์ก็ตาม แต่อาจ
จะ แตกต่างกันตรงที่สัตว์นั้นบางชนิดอาจจะเป็นช่วงฤดูกาลอยู่บ้าง แต่สำหรับมนุษย์เราแล้วนั้นไม่จำกัดเวลา วัยรุ่นเมื่อถึงวัยจะมีแรงผลักดันจากฮอร์โมนภายในร่างกาย ให้แสดงออกถึงความต้องการของการมีเพศสัมพันธ์ โดยการแสดงออกของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป บางคนต้องการถึงขนาดไปข่มขืน หรือว่าเอาญาติพี่ น้อง ด้วยกันเองก็มี อย่างที่เป็นข่าว ให้เห็นกันเกือบทุกวัน      
3.ค่านิยมที่ควรปลูกฝังให้กับวัยรุ่นไทยในปัจจุบัน
   “สิ่งแวดล้อมของครอบครัวคือ การที่พ่อแม่หรือคนในครอบครัวยังคงให้ลูกหลานรักษาระเบียบวินัย และเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ คือมักจะไม่ค่อยปล่อยให้ลูกมีอิสระมากนัก ซึ่งจะให้ลูกอยู่ในโอวาทตลอด การให้ลูกเป็นศูนย์กลางเพื่อแสดงพฤติกรรมที่เป็นอิสระทั้งการกระทำ และทางความคิด จึงมาจากแนวทางปฏิบัติของพ่อแม่ ดังนั้นการปฏิบัติตนและความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่จึงมีอิทธิพลต่อกระบวนการขัดเกลาให้กับเด็กและวัยรุ่นในสังคมไทยอย่างมาก และค่านิยม ซึ่งค่านิยมของวัยรุ่นมักจะเกิดจากกระบวนการขัดเกลาทางสังคม และการอบรมบ่มนิสัยภายในครอบครัว โดยวัยรุ่นจะกระทำในสิ่งที่พึงพอใจ และไม่กระทำในสิ่งที่ตนเองไม่พึงพอใจ อีกทั้งพฤติกรรมการแสดงออกของวัยรุ่นจึงเกิดจากอิทธิพล  ปัจจัยแวดล้อมในเรื่องความเป็นอิสระส่วนตัว การปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณี การเคารพพ่อแม่ และการอยู่ในโอวาทที่คอยเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ ซึ่งนี้คือค่านิยมที่วัยรุ่นยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ และการแสดงออกทางพฤติกรรมของตนเอง ได้แก่ การรู้จักควบคุมตนเอง เห็นคุณค่าของค่านิยมดั้งเดิม เช่น การทำบุญประเพณี การไปวัด ไปโบสถ์และมัสยิด พฤติกรรมสนับสนุนเชิงสังคม และการแสดงความเชื่อมั่นด้านความยุติธรรม และความสงบสุข ซึ่งจะเชื่อมั่นในการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว และเห็นคุณค่าความเป็นอิสระโดยการแสดงความสามารถที่จะประสบความสำเร็จใน ชีวิตอย่างมีความสุข และการใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพการสร้างค่านิยมให้กับเยาวชน


ที่มา : http://nanasatun.blogspot.com/2013/01/blog-post.html?m=1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น